วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ล่องอุทยานเที่ยว ภูลมโล

วันนี้เราอยากจะพาเพื่อนไปดูทะเลหมอกที่จุดชมวิวของภูลมโล เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะหมดฝนในอีก 2-3เดือนข้างหน้า  เพราะเราเชื่อว่าเที่ยวป่าช่วงปลายฝนต้นหนาว ระหว่างเดือน  ตุลาคม-พฤศจิกายน นั้นน่าจะสวยที่สุด

จริงๆแล้วเราไปเที่ยวภูลมโลช่วงหน้าหนาว นอกจากทะเลหมอกแล้ว ยังจะได้ชมซากุระนับพันไร่อีกด้วย สวยงามตามท้องเรื่องแบบไทยๆ ไม่ต้องไปถึงญี่ปุ่น

จุดถ่ายรูปภูลมโล

การไปเที่ยวที่นี่นั้นเราต้องมาพักที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า และต้องติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานเพื่อให้เราขึ้นไปที่ภูลมโล  เราออกจากที่พักตอนตี 5 และใช้เวลาเดินทางจากหน้าที่ทำการประมาณ 45 นาที  บอกเลยครับว่าต้องเป็นคนที่นิยมชมชอบการถ่ายภาพยามเช้าและเห็นแสงอาทิตย์ตอนขึ้น เพราะนอกจากคุณต้องตื่นตั้งแต่ตี5 แล้วยังต้องเจอกับอากาศหนาวตอนเช้าอีก  เล่นเอาหน้าชา ขี้มูกไหลแบบไม่รู้ตัวกันเลยทีเดียวเชียว

แอบถ่ายลอดช่อง
ดวงอาทิตย์น่าจะขึ้นประมาณ 06.30 แล้วเราก็เดินไปรอบๆเพื่อเก็บภาพเล่นๆ แต่มีอะไรไม่มากครับ
จุดนั่งพัก
เสร็จแล้วเราเลือกที่จะเดินขึ้นเนินเขาใกล้ๆ เพราะจะไปหาจุดถ่ายภาพแบบมุมสูงกว่านี้ (ก็ตรงนี้มันไม่สวยไง) เดินขึ้นเนินไปเล่นเอาหอบ เสร็จแล้วเดินผ่านดงกล้วยอีกไปพอสมควร จนคิดว่ามันจะพาเราไปไหนวะเนี่ย  แต่สุดท้ายปรากฏว่ามาพบจุดถ่ายภาพที่สวยที่สุดของภูลมโลเลยทีเดียว  เห็นทะเลหมอกใกล้ๆ เรียกว่าคุณเอาปากงับหมอกยังได้กันเลยทีเดียว


ดวงอาทิตย์ขึ้น จับกล้องทันที


ชมความงามแบบชิวๆ
ต้องเดินผ่านดงกล้วยมานะครับ  555

จุดถ่ายภาพ
เห็นทะเลหมอกงดงาม


ขากลับเราไม่ลืมที่จะเก็บภาพ โดยมุมมองจากด้านบนลงไป ด้านซ้ายมือเห็นเป็นทิวเขา งดงามมากๆครับผม มีหมอกตอนเช้าตามที่เราคาดไว้ไม่ผิด

เดินลงจากเนินเขา










วันอังคารที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

อุ่นเครื่องใบไม้เปลี่ยนสี Nagatoro


ทริปนี้จริงๆแล้าเราไปมาเมื่อปี 2015 ในช่วงกลางเดือน พฤศจิกายน โดยครั้งนี้เราพาทุกๆคนมาอุ่นเครื่องใบไม้เปลี่ยนสีในสถานที่ ที่เรียกว่า Nagatoro ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโตเกียวมากนัก ใช้เวลาเดินทางไปประมาณ 2-3 ชั่วโมง ซึ่งน่าจะเป็นอีกสถานที่นึง ที่กำลังจะได้รับความนิยมในอนาคตอย่างแน่นอน นั่นก็เพราะว่า ที่นี่นั้น เต็มไปด้วยกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการล่องเรือ  ปั่นจักรยาน เดินขึ้นเขา ซึ่งสามารถทำได้ทั้งวัน ส่วนตกเย็นก็ยังดู light up ได้อีกด้วย ง่ายๆคือ ครบครับ!!!!

ที่สำคัญ คนไทยยังไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่ ไปเที่ยวที่นี่ตอนนั้น มีแต่คนญี่ปุ่นที่ไปครับ  คนไทย คนจีน บอกเลยว่า ไม่มี!!!!  สวรรค์ของเราจริงๆ


สวยงามมาก
จุดนี้ถือเป็น highlight เลยก็ว่าได้ครับ เราสามารถมองเห็นล่องน้ำ ที่โอบล้อมไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสี สวยงสมมากครับ จริงๆแล้วเราไปเที่ยว ญี่ปุ่นเกือบ 2 อาทิตย์ ต้องบอกครับว่าที่ Nagatoro นั้นสวยที่สุดแล้ว


เรือแจว
เราเริ่มต้นออกเดินทางจากโตเกียวตั้งแต่ 6 โมงเช้า และใช้เวลาเดินทางประมาณ 2ชั่วโมงครึ่ง อาศัยเดินทางโดยรถไฟเป็นหลักครับ 
ตั๋วรถไฟน่ารักมาก
นั่งรอรถไฟมาครับ

สถานีปลายทาง
ถ้าจำไม่ผิดน่าจะใช้เวลาเดินทางจากสถานีต้นทางมาประมาณ 1ชั่วโมงครึ่ง จนถึงสถานีปลายทางครับ เรามาถึงประมาณ 8.30 พบว่า คนเยอะมากครับ หากแนะนำหากคุณมาที่นี่ควรจะถึงประมาณ 8.00 มากกว่านะครับ พอมาถึง สิ่งแรกที่ทำคือ ซื้อตั๋วล่องเรือครับ เนื่องจากคนเยอะจึงเสียเวลานานนิดนึงครับ
เรือแจวโบราณ
คนเยอะครับ
ช่วงเดินพฤศจิกานั้น อย่างที่เราๆก็รู้ครับว่า อากาศค่อนข้างดีทีเดียวนั่งเรือแจว ก็เพลินดีครับช้าๆ ค่อยๆไป ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็จบครับ หลังจากขึ้นจากเรือ เราก็ไปหามุมถ่ายรูปตาม style ครับ
เหม่อๆครับ
เด็กน้อย


หลังจากถ่ายภาพจนเสร็จแล้ว เราก็หันมาสนใจกิจกรรมปั่นจักรยานครับ จริงๆแล้วที่นี่ค่อนข้างกว้างนะครับ ผมแนะนำว่าหากมีเวลาเหมือนเราให้เช้าจักรายานไว้เลยครับ เหมาะกับการออกกำลังกายครับ บอกเลย  จริงๆแล้วที่นี่นอกจากเป็นจุดล่องเรือโบราณแล้ว ยังเป็นจุดชมซากุระอีกด้วยนะครับ เพียงแต่ว่า ช่วงเวลาที่เราไปนั้นมันร่วงหมดแล้ว

หลังจากเดินชมอยู่ซักพักก็ใกล้เที่ยครับ เราเลยเดินหาของกิน คนที่นี่พูดอังกฤษไม่ได้ครับก็ลำบากนิดนึง เลยต้องใช้วิธีการชี้เอาน่ะครับ 555

ร้านค้าใกล้สถานีรถไฟ

เพิ่มคำอธิบายภาพ

ใกล้ๆนั้นมีศาลเจ้าครับ แต่เราเดินไม่ไหวเพราะเริ่มเหนื่อย แต่ถ่ายเฉพาะด้านหน้านะครับ ไม่ได้เดินขึ้นไป เพราะ อีกพักจะไปขึ้นเขาแล้วนั่นเอง 555  ที่จริงคือปั่นจักรยานจนมื่อยน่ะครับ ขี้เกียจแระ

ทางเข้าศาลเจ้า

ด้านหน้าทางเข้า

สวยๆครับ
เรียกว่าแค่เก็บภาพอย่างเดียวครับ เสร็จแล้วเราก็จะไปเดินขึ้นเขาแล้ว ด้านล่างนี้เป็นทางขึ้นแล้วครับ เราก็ค่อยๆเดินขึ้นไปเรื่อยๆ เราเลือกเดินแบบเก็บบรรยากาศไปเรื่อยๆครับ จะได้ฟินกับบรรยากาศแบบเข้าถึง อิอิ แล้วเราก็เริ่มเดินขึ้นกันเลย ต้องฟิตนิดนึงนะครับ
ปากทางครับ

ระหว่างทาง
ระหว่างทางขึ้น

ไหนดูหน่อย

เขียวขจี
ท่าเก่งครับ
เดินมาเรื่อยๆใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ถึงยอดครับ ที่ใช้เวลานานเพราะเราหยุดถ่ายรูปบ่อยครับ ถ้าเดินจริงๆ ผมว่าชั่วโมงนึงก็อยู่ครับ แต่ถ้าไม่อยากเหนื่อย นั่งกระเช้าขึ้นไปก็ได้นะครับ แต่เราสายป่าเลยเดินครับ 555
เพิ่มคำอธิบายภาพ
เราลงมาจากยอดเขาประมาณ 6 โมงเย็น จึงทราบว่าที่นี่มี light upด้วย แค่เดินต่อไปอีกประมาณ 1km ก็จะถึงจุดจัดงานครับ เค้าให้เข้าได้ตั้งแต่เวลาประมาณ 1ทุ่มครับไม่มีค่าใช้จ่ายครับ และมีของกินขายในบริเวณนั้นด้วยครับ ไม่ต้องกลัวหิวรึไม่มีของกิน ชมภาพด้านล่างเลยครับ

เพิ่มคำอธิบายภาพ
เพิ่มคำอธิบายภาพ

เค้ามาเป็นคู่
ใช้เวลาอยู่ที่นี่นานพอสมควรครับประมาณ 3ชั่วโมง เสร็จแล้วเราเตรียมตัวเดินทางกลับไปที่โตเกียว สถานีรถไฟที่สถานีนี้ตกแต่งสวยงามครับ ชมภาพเลย อ้อ เราเดินทางกลับตอนประมาณ 3ทุ่มครับ
สถานีรถไฟ
บอกเลยครับ ว่าถ้ามีโอกาสเราอาจจะกลับไปอีก เพราะครบจบที่นี่ทุกกิจกรรมเลยครับ แนะนำ!!!!!













วันพฤหัสบดีที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2560

Jordan ตอน 3 Wadi Mujib



วันนี้เราดูที่เที่ยวอีกที่นึงที่น่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งสำหรับคนจอร์แดนเองและนักท่องเที่ยว เพราะเราจะนำทุกคนมาเที่ยว น้ำตก ในดินแดนแห่งทะเลทราย (งงเด้ๆๆ ว่ามันจะไปมีน้ำตกในทะเลทรายได้ยังไง)

ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะมาจอร์แดนช่วงอากาศหนาวเพราะจะเลี่ยงอากาศร้อน แต่เรามาช่วงนี้เนื่องจากอากาศไม่ร้อนจัด และยังเที่ยวน้ำตกได้ด้วย  หากมาช่วงหน้าหนาว บอกเลยว่าหมดสิทธิ์!!!

ที่อุทยานนี้อยู่ติดกับ dead sea และอยู่ห่างจากเมือง Madaba ประมาณ 1.30 ชั่วโมงเท่านั้น การเดินทางก็เหมารถเช่นเคย  เรียกว่า ช่วงเช้ามาเที่ยวที่นี่ ช่วงบ่ายไป dead sea ต่อกันเลยทีเดียว
ทางเข้าอุทยาน
เอาล่ะมาเริ่มกันเลย  แน่นอนว่ามีค่าเข้านะครับซึ่งตีเป็นเงินก็ประมาณคนล่ะ 22 JD หรือประมาณพันกว่าบาท อุปกรณ์ที่ควรจะต้องนำ มาเลยถือ ถุงกันน้ำและรองเท้าสำหรับลุยน้ำ จำเป็นมากนะครับ ไม่งั้นคุณจะเดินอย่างยากลำบาก  สามารถหาซื้อได้ที่ decathron คู่ล่ะ 200-300 บาทเท่านั้นแหละแต่คุ้มมากมาย อีกอย่างควรมาในช่วงเช้าเลยนะครับ เพราะ หนึ่งมันไม่ร้อนมาก แดดไม่ลงจัด สามารถถ่ายรูปสวยๆได้ เพราะ แสงไม่แตกต่างกันมาก หากมาช่วงสายถึงบ่าย  รับรองว่าคุณถ่ายภาพออกมาไม่ดีแน่ๆ  เอาล่ะเริ่มจริงๆแล้ว

แค่จุดปล่อยตัวลงก็ตื่นเต้นแล้ว เพราะตัวเปียกตั้งแต่ตอนนี้เลย
จุดลงน้ำ
จะไปแล้วน้าาา
เรามาถึงที่อุทยานนี้ประมาณ 9โมงเช้า ตอนเก็บตังนั้นเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าใช้เวลา ไปกลับ ประมาณ 2-3 ชั่วโมง เราก็แอบคิดในใจว่ามันจะนานขนาดนั้นเลยรึ  สุดท้ายเราจะใช้เวลาเท่าไหร่ ติดตามกันไปเรื่อยๆนะคร้าบบบบ   รูปด้านบนนั้น เรากำลังเดินเข้าไปในช่องเขา (Siq) ที่มีน้ำไหลเป็นธารออกมา บอกเลยอารมณ์คล้ายๆ  กำลังจะไปผจญภัยเล็กๆเราก็แอบตื่นเต้นเล็กน้อย  เดินเข้าไปเรื่อยๆ น้ำก็ค่อนข้างเย็นนะครับ  หนาวนิดๆเหมือนกัน
เพิ่มคำอธิบายภาพ


ระดับน้ำช่วงด้านหน้าถือว่าแค่ข้อเท้านะครับไม่สูงมาก รองเท้าลุยน้ำที่ซื้อมาถือว่าช่วยได้มากกกกก เพราะมันไม่ลื่นเลย ที่สำคัญคือ ไม่เจ็บแม้จะเดินเหยียบหินก็ตาม  เราเดินไปถ่ายรูปไป ใจนึงก็รู้สึกทึ่งในความยิ่งใหญ่ของช่องเขาสีชมพูอ่อน เรามาเช้าเรียกว่าได้เปรียบ เพราะคนยังไม่เยอะ
หินสีชมพู 


และเราก็ถงจุดที่เป็น adventure อันแรกของที่เรา  เริ่มแบบเบาๆ คือต้องไต่เชือกข้ามผ่านน้ำตก ระดับความยากอันนี้ยังถือว่า สบายๆครับ แต่ต้องระวังลื่นเท่านั้นเอง

ไต่เชือกข้ามฝั่ง







สบายๆ
เรียกได้ว่าผ่าน ฐานที่ 1 ได้แบบไร้ข้อกังขา (มันยังง่ายอยู่ๆๆ) เราก็เดินต่อมาเรื่อยๆ จนเห็นเริ่มมีคนเดินออกมา คือสงสัยว่าทำไมมันเร็วจัง
บางกลุ่มออกมาแระ
แล้วมาก็มาพบกับฝรั่งกลุ่มใหญ่น่าจะเป็นคน Jordanian นั่นแหละ พร้อมๆกับการผจญภัยอยู่ตรงหน้า
รอคิว

ช่องแสงตกลงพอดีเลย
รอผจญภัยค่ะ
จุดนี้เรียกว่าเป็นอีกจุดที่ต้องปีนป่ายเชือกขึ้นไปด้านบน แต่ความยากคือต้องยกตัวขึ้นไปด้วย ใช้พละกำลังพอดูเลย ใครไใ่แข็งแรงไม่น่าจะไหวแน่ๆ แต่เราก็ผ่านมาได้ด้วยดี เราให้พวกฝรั่งไปก่อนเพราะเราจะดูวิธีการปีนไง อิอิ และก็ผ่านมาอีกหลายด่านด้วยกันครับ แต่เราไม่ได้เก็บภาพไว้เพราะแทบจะว่ายน้ำกันอยู่แล้ว สุดท้ายเรามาถึงจุดต้นน้ำจนได้ครับ และเรามาทราบทีหลังว่า น้ำที่นี่นั้นส่งมาจากเขื่อนครับผม ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่พอสมควรเลย


จุดต้นน้ำ
แน่นอนเราก็เก็บภาพที่จุดนี้พอสมควรเลย
โพสต์พองาม
ตากล้อง

มองดูช่องเขาระหว่างเดินกลับสวยงามมากกกก
ช่วงขากลับเราพบว่าระดับน้ำกลับสูงขึ้นกว่าตอนเช้า เอาการและน้ำก็เชี่ยวกว่าด้วย ทำให้การเดินกลับนั้นใช้เวลานานกว่าขาเข้า บางคนเค้าลอยตัวตอนขากลับออกไปเลยอาศัยน้ำที่ค่อนข้างแรง ลอยไปเรื่อยๆก็ถึงครับผม  ผมเลยลองมั่งปรากฏว่าไปโดนหินเข้า  เจ็บครับ!!! เลยหันมาเดินแบบเดิมแทนน่าจะเซฟกว่า
น้ำแรงครับ
เดินฝ่าน้ำ

ออกมาแล้วครับ
ใช้เวลาครั้งหมด 4 ชั่วโมงครึ่งกับการ Adventure ครั้งนี้ครับ เหนื่อยมากมายยย  ใครจะไปฟิตร่างกายให้ดีนะครับ